
จากความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป สู่เสียงเรียกร้องต่อการเปลี่ยนแปลง อะไรอาจเกิดขึ้นกับบาร์เซโลนาในช่วงจบฤดูกาล นี่คือสิ่งที่ Goal วิเคราะห์มา
เก็นติ้งคลับ กาลครั้งหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยกล่าวเอาไว้ว่า “วันที่ผมเห็นว่าดวงตาของนักเตะไม่มีไฟจะสู้ ผมจะรู้ได้ว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว” ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันอังคาร หลุยส์ เอ็นริเก้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อทีมของเขาพ่ายแพ้ต่อปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบหมดทางสู้
“ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้” กุนซือบาร์เซโลนายอมรับหลังความพ่ายแพ้ 4-0 ที่ปาร์ค เดอ แปรงส์ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอันใดที่บรรดาสื่อมวลชนต่างก็เห็นตรงกัน สื่อในกาตาลันต่างตั้งเป้าวิจารณ์ที่ตัวเขาอย่างหนักหน่วง
สองประเด็นเดิมๆ พุ่งไปที่หลุยส์ เอ็นริเก้ ประการแรกคือการขาดแผนสองของเขาถูกเปิดโปงออกมาอย่างโหดร้ายอีกครั้ง และประการที่สองคือเขาแทบไม่เคยกระตุ้นนักเตะให้ฟื้นจากความล้มเหลวได้เลย
Luis Enrique Barcelona PS
หลายคนอาจพุ่งเป้าไปที่การขาดความทุ่มเทและมุ่งมั่นของพวกนักเตะในสนาม แต่สองกองกลางตัวเก๋าในทีมอย่างเซร์คิโอ บุสเกตส์ และอันเดรส อิเนียสต้า ต่างไม่คิดเช่นนั้น ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าเปแอสเชเหนือกว่าพวกเขาในเรื่องของแท็กติก ไม่ใช่เรื่องทัศนคติแต่อย่างใด
“มันไม่ใช่ปัญหาในเรื่องของทัศนคติ มันคือเรื่องฟุตบอลล้วนๆ” เซร์คิโอ บุสเกตส์ กล่าว “พวกเขาไล่เพรสซิงมากกว่า และเหนือกว่าในเรื่องแท็กติก”
ขณะเดียวกัน อิเนียสต้าก็เสริมประเด็นของบุสเกตส์ว่า “คำว่าทัศนคติเป็นคำที่ผมไม่เคยชอบเลย ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับพวกนักเตะและทีมนี้ ในท้ายที่สุด มันเป็นเรื่องของฟุตบอลล้วนๆ ผมไม่ชอบจะพูดถึงเรื่องทัศนคติ เมื่อมันไม่ใช่เหตุผลที่เราเป็นผู้แพ้”
Messi Barcelona PSG
ไม่ว่าจะอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทีมอาซูลกรานาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแท็กติกหรือรูปเกม ไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น พวกเขาไม่มีความดุดัน และยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลันไม่สามารถบอกได้อีกแล้วว่าพวกเขาคือทีมแถวหน้าของยุโรปที่ใครๆ ต้องเกรงขามเหมือนในอดีต
ในความเป็นจริงแล้ว มีผู้คนมากมายที่เกี่ยวข้องกับบาร์ซา ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสโมสรหรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน ต่างก็เชื่อว่าหลุยส์ เอ็นริเก้ พาสโมสรมาไกลจากรากฐานปรัชญาที่เน้นการครองบอลมากเกินไป และพยายามพึ่งพาความยอดเยี่ยมของ MSN ในการคว้าชัยมาโดยตลอด
มันได้ผลดีมานานแสนนาน และเป็นประเด็นที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด ทว่าโค้ชบาร์ซาคนปัจจุบันนั้นเน้นแต่แผนการเล่นโต้กลับมากเกินไป ดังนั้น เมื่อสัญญาของหลุยส์ เอ็นริเก้จะหมดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ากุนซือผู้เคยพาบาร์ซาคว้าเทรเบิ้ลแชมป์ในปีแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมอาจต้องเก็บกระเป๋าออกจากคัมป์นู
อาจมีหลายคนที่ดูเหมาะสมจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเอ็นริเก้ ที่คว้าได้ถึง 8 แชมป์ จาก 3 ฤดูกาล อาทิ ยูเซบิโอ ซาคริสตัน ซึ่งกำลังพาเรอัล โซเซียดาด ลุ้นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในเวลานี้ และเคยทำทีมบาร์ซาชุดบีมาก่อน (เช่นเดียวกับหลุยส์ เอ็นริเก้ และกวาร์ดิโอลา) รวมถึงเคยเป็นนักเตะของบาร์ซาระหว่างปี 1987 – 1995
อย่างไรก็ดี ชายที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุดน่าจะเป็น ฆอร์เก้ ซามเปาลี กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ที่พาชิลีได้แชมป์โคปา อเมริกา เมื่อปี 2015 และพาเซบีญาลุ้นแชมป์ลาลีกาในชั่วโมงนี้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญอาจไม่ใช่ว่าเซบีญากำลังทำอะไร แต่เป็นว่าพวกเขาทำมันได้อย่างไรต่างหาก
เหตุผลที่ซามเปาลีจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคัมป์นูเพราะไม่มีทีมใดอีกแล้วในโลกที่คล้ายคลึงกับบาร์ซาของกวาร์ดิโอลา มากไปกว่าเซบีญาของซามเปาลี พวกเขาครองบอลได้ดีตอนที่มีบอล และพยายามแย่งบอลคืนมาอย่างรวดเร็วเมื่อเสียบอลไป
Barcelona 2017 Summer PS
แน่นอน การตั้งโค้ชใหม่อาจไม่ใช่ทางออกสำเร็จรูปที่แก้ทุกปัญหาของบาร์ซาได้แบบทันที เกมรับของทีมเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เมื่อพวกเขาต้องพึ่งพา เซร์คิโอ โรแบร์โต้ เป็นแบ็คขวาจำเป็นในเกมพบเปแอสเช เพราะอเล็กซ์ บิดัล มีอาการบาดเจ็บ และเขาก็ต้องเจองานหนักในเกมกับเปแอสเช รวมถึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าศักยภาพไม่พอจะรับบทบาทนี้ในระยะยาว
เจา คันเซโล ฟูลแบ็คทีมชาติโปรตุเกสของบาเลนเซีย น่าจะเป็นส่วนเติมเต็มที่เหมาะสมในตำแหน่งนี้
นอกจากนี้ บาร์ซายังต้องมีปราการหลังตัวกลางที่แข็งแกร่งและแน่นอนเพิ่มเติม โดยพวกเขามีข่าวลือกับคอสตาส มาโนลาส ซึ่งพร้อมจะอำลาโรมาในหน้าร้อนนี้ ถึงแม้อินเตอร์ มิลาน ซึ่งกำลังจ้องแนวรับรายนี้ตาเป็นมันอยู่อีกทีม จะเป็นอุปสรรคใหญ่ก็ตาม
ขณะเดียวกัน ในแผงกองกลาง พวกเขายังคงต้องควานหาตัวตายตัวแทนที่เหมาะสมของ ชาบี เอร์นานเดซ ซึ่งสำหรับ มาร์โก แวร์รัตติ ที่ปักหลักกับทีมแห่งเมืองหลวงฝรั่งเศสได้อย่างมั่นคง มันคงไม่ใช่ง่ายๆ ที่บาร์ซาจะกระชากนักเตะรายนี้มาร่วมทัพได้สำเร็จ ยิ่งหลังจากเกมเมื่อคืนวันอังคารที่เปแอสเชพิสูจน์แล้วว่า ในชั่วโมงนี้ แวร์รัตติอาจมีโอกาสได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับพวกเขาได้มากกว่ากับบาร์ซา
ที่สำคัญ เรื่องค่าตัวของแวร์รัตติซึ่งถือเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าคนหนึ่งในตำแหน่งดังกล่าวก็อาจเป็นปัญหา เมื่อบาร์ซายังต้องระดมทุนเพื่อภารกิจต่อสัญญาใหม่ให้เมสซี รวมถึงการปรับปรุงสนามคัมป์นูใหม่ ทำให้ปฏิบัติการณ์สร้างทีมในช่วงซัมเมอร์นี้อาจจะค่อนข้างซับซ้อน และบีบให้บาร์ซาต้องมองหานักเตะที่ฝีเท้าใช้งานได้และราคาไม่แพงเกินไปมาทดแทน
หากบาร์เซโลนาโน้มน้าวใจให้ซามเปาลีย้ายจากเซบีญามาคุมทัพได้สำเร็จ ทางเลือกที่ดูสมเหตุสมผลกว่าอาจจะเป็นสตีเวน เอ็นซองซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเซร์คิโอ บุสเกตส์ ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเมื่อครั้งอดีต ส่วนอังเดร โกเมส ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับในแดนหน้า ปาโก อัลกาเซร์ ก็เป็นนักเตะอีกรายที่ค่าตัวแพงอย่างเหลือเชื่อและสมควรถูกโละออกจากทีม พวกเขามี MSN ที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะหาใครมาสอดแทรกได้ง่ายๆ แต่ทั้งสามคนล้วนแต่ต้องการแรงจูงใจเพิ่มเติมอย่างเห็นได้ชัด การเข้ามาของซามเปาลีน่าจะช่วยในเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งเมสซีและเนย์มาร์ เคยหนุนให้กุนซือวัย 56 ปี รับงานคุมทีมชาติอาร์เจนตินารวมถึงบราซิลของทั้งคู่มาแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร ซามเปาลีแทนหลุยส์ เอ็นริเก้ คือตัวเลือกที่บาร์ซาสมควรทำ หากพวกเขาอยากให้นักเตะกลับมามีความมุ่งมั่นในดวงตาอีกครั้ง